ขั้นตอนที่ 1: การดื่มน้ำ(Hydrate)
ทำไมจึงต้องเริ่มต้นที่การดื่มน้ำ?
จากรายงานผลการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า 90% ของประชากรโลกขาดน้ำ ดื่มน้ำไม่เพียงพอแม้แต่การดื่มน้ำในปริมาณที่น้อยที่สุดที่ร่างกายต้องการเื่พื่อให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ เมื่อร่างกายขาดน้ำ อวัยวะต่างๆจะได้รับผลกระทบและนำไปสู่ภาวะผิดปกติต่างๆตามมาน้ำสำคัญอย่างไร?
น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่ร่างกายต้องการเืพื่อให้สามารถทำงานได้ตามปกติ น้ำมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การย่อยอาหาร และการเจริญเติบโตทุกๆส่วน และทุกๆระบบในร่างกายต้องการน้ำเืพื่อ- เสริมการทำงานของสมอง
- เิพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
- ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
- ให้ความชุ่มชื่นแก่ปาก ตา และจมูก
- ปกป้องเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย
- ช่วยเสริมการย่อยอาหารและป้องกันท้องผูก
- ช่วยหล่อลื่นบริเวณข้อและเส้นเอ็น
- กำจัดของเสียออกจากร่างกาย
- ช่วยในการละลายและการดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ
- ช่วยนำสารอาหารและออกซิเจนสู่เซลล์
ควรดื่มน้ำปริมาณเท่าใด?
เราแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 3.7 ลิตรต่อวันสำหรับผู้ชาย และ 2.7 ลิตรต่อวันสำหรับผู้หญิงความรู้สึกกระหายน้ำไม่ใช่สัญญาณเตือนที่ดีว่าร่้างกายขาดน้ำ เพราะความรู้สึกกระหายน้ำจะไม่เกิดขึ้นทันทีที่ร่างกายขาดน้ำ แต่จะเกิดเมื่อร่างกายมีปริมาณน้ำลดลงจนต่ำกว่าระดับที่สามารถทำงานได้ตามปกติแล้วเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 2: การเดิน Walk
ทำไมการเดินจึงเป็นขั้นตอนที่2?
การเดินเป็นกิจวัตรประจำของคนเรา การเดินใช้เวลาเพียงเล็กน้อยและไม่ต้่องอาศัยอุปกรณ์ช่วยที่สำคัญ ผลการศึกษาวิจัยยังบ่งชี้ว่าการเดินเป็นประจำให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากกว่าการวิ่งเร็วการเดินมีประโยชน์ต่อร่างกายเนื่องจาก
- เป็นการเคลื่อนไหวที่ง่ายต่อข้อต่อและกระดูก- เพิ่มความทนและประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว
- ช่วยเสริมการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด
- คลายความเครียด
- พัฒนาระบบสมอง สติปัญญา ความคิดอ่าน ไหวพริบ
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก ความกระชับของกล้ามเนื้อ
- ช่วยให้อวัยวะต่างๆทำงานได้ตามปกติ
การเดินช่วยให้รู้สึกห่างไกลจากความว้าเหว่ เศร้าใจ หดหู่ใจ การเดินช่วยให้ร่างกายหลั่งเอนโดรฟินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เรารู้สึกมีความสุข แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คนไข้เดินเป็ฯประจำทุกๆวัน เพื่อกำจัดภาวะหดหู่ เศร้าใจ ซึ่งเป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ
รักษาอาการข้ออักเสบด้วยการเดิน
การเดินเป็นประจำมักเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการรักษาข้ออักเสบโดยส่วยใหญ่เพราะการเดินช่วยเพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มสมรรธภาพการเคลื่อนไหวในขณะที่ช่วยลดอาการปวด การเดินช่วยให้กระดูกอ่อนบริเวณข้อแข็งแรงด้วยการเพิ่มการหมุนเวียนสารอาหารไปเลี้ยงที่ข้อ ถ้าคุณมีอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ อย่าลืมถามคุณหมอถึงการเติมคุณประโยชน์ของการเดินให้ร่างกายด้วยขั้นตอนที่ 3: ล้างสารพิษ Cleanse
ทำไมการล้างพิษจึงช่วยให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นได้?
การที่ร่างกายสามารถกำจัดสารพิษและของเสียที่สะสมออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำสารอาหารต่างๆไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าคุณจะพยายามรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากเพียงใดก็ตามหากร่างกายยังมีสารพิษ และของเสียสะสมอยู่ โดยเฉพาะในทางเดินอาหารก็จะขัดขวางการดูดซึมสารอาหารที่มีคุณค่าเหล่านั้น ทำให้ร่างกายไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ถ้าปราศจากการล้างพิษอย่างเหมาะสม ร่างกายอาจประสพปัญหาต่างๆ เช่น- ท้องผูก ทำให้ของเสียกากอาหารสะสมในร่างกาย
- ขาดเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารทำให้ประสิทธิภาพการย่อย และการดูดซึมลดลง
- ท้องอืด แน่นท้อง แก็ซมากและปวดเกร็ง
- มีพยาธิที่เป็นอันตรายทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น
- การแพ้อาหาร
- เกิดแผลที่ทางเดินอาหาร
- เกิดการระคายเคืองทางเดินอาหาร
- ลดภูมิต้านทานของร่างกาย
อาการอื่นๆนอกเหนือจากนี้ซึ่งเกิดจากการย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพ เช่นปวดศีรษะ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ผิวแห้งแตก ลมหายใจมีกลิ่น และติดเชื้อเรื้อรัง เส้นใยอาหารมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ลำใส้ใหญ่แข็งแรง และทำงานได้ตามปกติเนื่องจากเส้นใยอาหารช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ลดแรงดันภายในลำใส้จึงช่วยให้ลำใส้กำจัดกากอาหารได้ง่ายขึ้น สมาคมโภชนาการแห่งสหรัฐอเมริกา (American Dietetice Association) แนะนำให้รับประทานเส้นใยอาหาร 20-35 กรัมต่อวัน ในขณะที่ความเป็นจริงคนทั่วไปรับประทานเส้นใยอาหารเฉลี่ยเพียง 12 กรัมต่อวันเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 4: การเติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการ (Nourish)
คุณแน่ใจแล้วหรือว่า เลือกรับประทานอาหารได้ถูกต้อง ?
โชคร้ายที่อาหารที่เรารับประทานในปัจจุบันมีส่วนประกอบของไขมัน น้ำตาล และแป้งมากขึ้น ในขณะที่สารอาหารที่มีคุณค่ากับลดน้อยลง เรากำลังขาดวิตามิน แร่ธาตุ และไฟโตนิวเทรี่ยนท์ ที่จำเป็นเพื่อทำให้เรามี ภาวะสุขภาพที่แข็งแรงเราจะได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าเหล่านั้นได้อย่างไร ?
วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รับสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ คือการรับประทานอาหารโดยเฉพาะการทานผักและผลไม้ให้หลากหลาย ผักและผลไม้เป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร คาโบไฮเดรต และไฟโตนิวเทรี่ยนท์ ที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง กระทรวงสุขภาพและเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา รวมถึงสถาบันสุขภาพต่างๆทั่วโลก แนะนำให้ประชาชนรับประทานผลไม้เพิ่มเป็น 2 เท่า และรับประทานผักใบเขียวและเหลือง เพิ่มเป็น 3 เท่า ของปริมาณที่ทานอยู่ในชีวิตประจำวันการได้รับวิตามินเสริมประจำวันจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นหรือไม่ ?
มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากมายในการเลือกสูติวิตามินที่เหมาะสำหรับคุณ วิตามินส่วนใหญ่ในท้องตลาดมีความเข้มข้นสูงมากแต่ละสูติมีปริมาณวิตามินในแต่ละชนิดไม่เท่ากัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่อาจไม่สามารถเติมสารอาหารที่คุณต้องการได้ครบทั้งหมด หรือเติมในปริมาณที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งความสามารถในการดูดซึมและความคงตัวอาจไม่ดีพอร่างกายจึงนำวิตามินเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ไม่ได้ขั้นตอนที่ 5: การดูแลสุขภาพเฉพาะด้าน Target
คุณต้องอดทนเป็นอย่างมากกับการควบคุมน้ำหนัก หรืออาการปวดข้อและกระดูกหรือไม่?
หลังจากที่คุณเร่มต้นดูแลสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการล้างพิษและการเติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการแล้วตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้เริ่มใส่ใจกับปัญหาสุขภาพของตัวคุณเอง แม้ว่าวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่จะก้าวหน้าไปมากเพียงใดก็ตามแต่ความกัลวลเรื่องสุขภาพผลข้างเคียงของยาและการเอาใจใส่เรื่องสุขภาพกลับมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้ผู้คนในปัจจุบันพากันแสวงหาแนวทางการรักษาใหม่ๆซึ่งผสมผสานความรู้ทางการแพทย์ในอดีตและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ด้านอาหารในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดแนวทางดูแลสุขภาพที่เป็นธรรมชาติและสมดุลมากที่สุดวิธีการที่ผสมผสานดังกล่าวได้สร้างคุณประโยชน์ทางโภชนาการต่อสุขภาพซึ่งพิสูจน์ได้ดังนี้
- สุขภาพของหัวใจ- การควบคุมน้ำหนัก
- สุขภาพของกระดูกและข้อต่อ
- ความแข็งแรงของระบบภูมิต้านทาน
- สุขภาพของระบบการย่อยอาหาร
- ความสามารถในการชลอความแก่
- สุขภาพสำหรับเพศหญิงและชาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น