วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โรคอ้วนลงพุงหรือ Metabolic syndrome

      โรคอ้วนลงพุงหรือ Metabolic syndrome เป็นภาวะที่อ้วนโดยเฉพาะส่วนเอวและทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายหลายระบบ Metabolic syndrome คำนี้เป็นคำศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้การอย่างแพร่หลาย ภาวะนี้หมายถึงกลุ่มโรคที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารที่ผิดปกติทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคนี้สมัยก่อนเรียกว่า Syndrome X, insulin resistance syndrome

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุง Metabolic syndrome
      จะต้องเป็นอ้วนชนิดลงพุง กล่าวคือมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม. 80 ซม.ในชายและหญิงตามลำดับ
และมีภาวะดังต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ข้อ
  1. ความดันโลหิตมากกว่า 130/85 ,ผู้ที่ได้รับยารักษาความดันโลหิต
  2. ระดับ Triglyceride >150 mg% ,หรือผู้ที่เป็นไขมันสูงและได้รับยาลดไขมัน
  3. ระดับ HDL > 40,50 mg%สำหรับชายและหญิง ,หรือผู้ที่เป็นไขมันสูงและได้รับยาลดไขมัน
  4. ระดับน้ำตาลสูงกว่า 100 mg% หรือผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ 2
     พบว่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง 3 ข้อจะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า และพบว่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง 4 ข้อจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองเพิ่ม 3 เท่า และเกิดโรคเบาหวานเพิ่ม 24 เท่า

คนกลุ่มใดที่มักจะเป็น Metabolic syndrome
  1. ผู้ที่เป็นเบาหวาน
  2. ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงและมีระดับอินซูลินในเลือดสูง
  3. ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
สาเหตุของโรค Metabolic syndrome
    สาเหตุที่แท้จริงยังไม่มีใครทราบแต่น่าจะเกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน

พันธุกรรม
      การเกิดภาวะนี้ขึ้กับพันธุกรรมของแต่ละประเทศ และเชื้อชาติทำให้ระดับอ้วนลงพุ่งไม่เท่ากัน ขึ้นกับการวิจัยของแต่ละประเทศว่าค่าเส้นรอบเอวควรจะเป็นเท่าใด ตารางข้างล่างแสดงเส้นค่ารอบเอวของบางประเทศ สำหรับประเทศไทยใช้เกณฑ์ประเทศในเอเซียใต้
                    ประเทศ/กลุ่มประเทศ                                                 รอบเอว  ชาย/หญิง 
          ประเทศในกลุ่มยุโรป(อเมริกาใช้ 102,88 ซม)                                     94     80 
          ประเเทศในเอเซียใต้(จีน อินเดีย มาเลเซีย)                                        90    80 
          ประเทศจีน                                                                                           90   80 
          ประเทศญี่ปุ่น                                                                                       85   90 

     อาหารที่เรารับประทาน
     พฤติกรรมการดำรงชีวิต
          กลไกการเกิดเนื่องจากร่างกายของผู้ที่เป็นโรคนี้มีความดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ตับอ่อนต้องสร้างอินซูลินในปริมาณที่มากเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือด เมื่อเวลาผ่านไปตับอ่อนไม่สามารถที่จะสร้างอินซูลินได้อย่างเพียงพอจึงเกิดเบาหวาน การเกิด Metabolic syndrome จะเกิดก่อนการเกิดโรคเบาหวานภาวะดังกล่าวจะมีอินซูลินมากซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาไขมันในเลือดสูงทำให้เกิดการทำลายของเยื่อบุผิวหลอดเลือด รวมทั้งมีผลต่อไต ดูกลไกการเกิดโรค

วิธีการวัด
  • ใช้สายเมตรธรรมดา
  • วัดรอบเอวเหนือสะโพก
  • ให้สายขนานกับพื้น
  • อย่าให้สายรัดแน่เกินไป
  • วัดขณะที่หายใจออกเต็มที่
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
  •   อายุ พบว่าอายุมากมีโอกาสเป็นสูง ผู้ที่มีอายุ 20พบภาวะนี้เพียง 10% คนที่อายุ 60 มีอัตราการเกิดร้อยละ 40
  • เชื้อชาติ คนผิวดำจะมีโอกาสมากกว่าปกติ
  • คนอ้วนจะมีโอกาสมากกว่คนผอม
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวานจะมีโอกาสเป็นโรคสูง
  • โรคอื่นๆเช่นความดันโลหิต
อาการของโรคนี้เป็นอย่างไร
     เป็นที่ทราบกันแล้วว่าหากเป็นในกลุ่มโรคนี้แล้วจะมีโรคหลายระบบเช่น
  • โรคอ้วนโดยเฉพาะมีเส้นรอบเอวมากกว่ากำหนด
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคเบาหวาน
  • ไขมันในเลือดสูง
ภาวะนี้ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร
  • ทำให้หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบจึงเกิดโรคหัวใจได้ง่าย
  • ไตจะขับเกลือออกได้น้อยลงทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
  • ไขมัน triglycerideที่สูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดตีบ
  • เลือดจะแข็งตัวได้ง่ายทำให้อุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหรือหัวใจ
  • เป็นโรคเบาหวานได้ง่าย
การรักษา
    เมื่อผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นกลุ่มโรค Metabolic Syndrome จะต้องได้รับการรักษาเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคเบาหวาน และจะต้องได้รับการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอื่นด้วย

การรักษาโดยการปรับพฤติกรรม
  • การออกกำลังกาย วันละ 30 นาทีสัปดาห์ละ 5 วันจะลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน
  • การับประทานอาหารสุขภาพ ลดอาหารไขมันลง และรับอาหารพวกแป้งไม่เกินร้อยละ 50 ของอาหารที่รับประทาน ให้รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่นอาหารธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก ถั่ว ลดอาหารพวกเนื้อสัตว์ ใช้น้ำมันถั่วเหลืองแทนน้ำมันปามล์ งดกระทิ
  • ลดน้ำหนัก จากการศึกษาของประเทศฟินแลนด์และอเมริกาพบว่าการลดน้ำหนักลงร้อยละ 5-10 ของน้ำหนัก จะชลอหรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
  • ลดสุรา
การรักษาโดยการใช้ยา
      เมื่อปรับปรุงพฤติกรรมแล้วปรากฎว่ายังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาล ไขมันหรือความดันโลหิตได้ จึงจำเป็นต้องใช้ยาในการควบคุม

การรักษาไขมันในเลือด
  • เป้าหมาย
  1. ลดระดับไขมัน Triglyceride
  2. เพิ่มระดับไขมัน HDL
  3. ลดระดับไขมัน LDL
  • ยาที่ใช้รักษา
  1. Fibrate (PPAR alpha agonists)จะลดไขมันและความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
  2. Statin ใช้ลดไขมันโดยเฉพาะ ApoB-containing lipoproteins และมีรายงานว่าลดอุบัติการของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
  3. การใช้ยา 2 ชนิดร่วมกันอาจจะเกิดผลข้างเคียงจากยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น